27 กรกฎาคม 2551

ห้า) สิ้นหวังแล้ว!!

 

ใครที่สังเกตว่าเอ็นทรี่นี้เป็นเอ็นทรี่ที่สี่ของบล็อกนี้ แต่ดันผ่าไปตั้งหัวเอ็นทรี่ว่าเป็นเอ็นทรี่ที่ห้า อย่าแปลกใจ

ความจริงแล้ว เค้าเขียนเอ็นทรี่อีกอันหนึ่งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว (มันก็คือเอ็นทรี่ที่สี่นั่นเอง) แต่ขอเอาเอ็นทรี่ที่ห้าที่เพิ่งพิมพ์สดๆอันนี้ลงก่อนแล้วกัน

 

ก่อนอื่นก็คงต้องขอพูดว่า...

"สิ้นหวังแล้ว!!"

(อนึ่ง แปลมาจากประโยคภาษาญี่ปุ่นที่ว่า "絶望したぁぁ!!" อ่านว่า "เซ็ตสึโบชิตา~~~!!" ลากเสียง ตา เพื่อเพิ่มอารมณ์)

 

ใครที่อ่านการ์ตูนอยู่ 712 บ่อยอาจจะคุ้นกับประโยคนี้

มันก็คือประโยคเด็ดจากอาจารย์อิโตะชิคิ โนโซมุ ตัวเอกจากเรื่อง "ซาโยนาระ คุณครูผู้สิ้นหวัง" นั่นเอง ที่จริง เคยคิดจะอ่าน/ดูเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งได้มาอ่านจริงๆจังๆก็ตั้งแต่เพื่อนเอาเล่ม 1-3 มาให้อ่านในห้องนี่แหละ ถ้าใครที่รู้จักการ์ตูนหลายๆเรื่อง+ชอบการ์ตูนแนวตลกเสียดสีสังคม อาจจะชอบเรื่องนี้ก็ได้นะ -_,-

ยังไงก็เหอะ ที่เอาเรื่องนี้มาพูดเพราะว่าเค้าน่ะ...

 

"สิ้นหวังแล้ววววว!!!"

"แล้ว!!!"

"แล้ว!!"

.

.

.

 

ช่วงนี้รู้สึกว่ามีความบัดซบเกิดขึ้นกับชีวิตมากน่ะ ไม่มีอะไรหรอก

เริ่มจาก

- คะแนนซัมหล่นขั้นรุนแรง มีแนวโน้มว่าจะได้ซ่อม 2 วิชา+ (ข้อสอบทุน+คอนเอสเอ็มคะ ลาก่อนค่ะ T_T)

- ตื่นนอนสายติดกันหลายวัน

- ป่วยการเมือง

- พลาดสอบ CU-TEP

- ตกรถค่ายผู้นำ

- ดำเนินงานในชมรมล้มเหลว (พูดง่ายๆก็คือทำชมรมกร่อยนั่นแหละ)

แล้วก็อีกหลายๆความบัดซบที่ลืมไปแล้ว/คิดไม่ออก

 

รู้สึกแย่...

เพราะชีวิตมีแต่ความบัดซบถามหา

ยิ่งไปกว่านั้น มันรู้สึกแย่...

ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้น เพราะ

ตัวเราเป็นเหตุ

โดยเฉพาะเรื่องคะแนนกับตกรถค่ายผู้นำ ตอนที่ความบัดซบมันเกิดขึ้นครั้งแรก ไม่อยากจะยอมรับมันเลย

เช้าวันศุกร์

ไม่รู้ว่าเพราะเค้าไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก

หรือว่าได้ยินแล้ว กดแล้ว นอนต่อ

หรือไม่ได้ตั้งตั้งแต่แรก

จากที่ตั้งใจว่าจะตื่นตีห้า พอรู้ตัวอีกทีก็ 7 โมง 18 แล้ว

 

เค้าตื่นขึ้นมาก็รีบโทรไปถามเอมี่ เอมี่บอกว่าคนยังไม่มากันครบ ยังทันอยู่

ก็เลยรีบไป

เจออีฟ กับเพื่อนอีฟรอขึ้นแท็กซี่ ก็เลยติดแท็กซี่ไปด้วยคน

ซักพัก พอรถมาติดที่สะพานหัวช้าง คนในค่ายก็เริ่มโทรตาม

รถก็ยังติด ทำอะไรก็ไม่ได้

พอเลยมาบุญครอง ใกล้จะถึงป้ายหน้าโรงเรียนอยู่แล้ว ก็มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่า

 

"น้องปลาคะ อาจารย์ไม่รอแล้วนะคะ รถออกไปแล้ว"

 

ความรู้สึกบัดซบก็เริ่มบังเกิด

โชเฟอร์เข้าใจเป็นว่าพวกเรากลัวสาย ก็เลยบอกให้ออกจากรถไปโรงเรียนตรงกลางถนนนี้เลยก็ได้ เดี๋ยวจะไปสายแล้วอาจารย์ว่าเอา

เป็นอันว่าเค้ากับอีฟก็ลงจากรถ เข้าโรงเรียน

เดินไปถึงหน้าโรงอาหารใหญ่ ซักพักก็มีโทรศัพท์เข้ามาอีก

 

"ถ้าน้องเห็นรถตู้ป้ายทะเบียน ฬ 44 อยู่แถวตึก 1 ตึก 2 ให้ขอขึ้นกับเขาได้นะคะ เพราะเขาก็ไปค่ายเหมือนกัน"

 

โทรมาพอดีกับที่รถตู้คันหนึ่งวิ่งผ่านหน้าเค้ากับอีฟไปแล้วพอดี

วิ่งจากหน้าโรงอาหารกลับไปหน้าโรงเรียน ตามรถตู้ที่ไม่ได้หยุดรอใครเลย

คงทัน

 

สรุป แบกกระเป๋าเดินทางไปรับบัตรสาย แล้วขึ้นไปนั่งเรียนเคมีกับเพื่อนๆ 16 คนที่เหลือ

 

บัดซบว่ะ

ยิ่งพิมพ์ยิ่งรู้สึกบัดซบ

แต่ช่างมันเถอะ พิมพ์ๆไป เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น (ล่ะมั้ง...)

สิ้นหวังแล้ว!

กับการเป็นนักเรียนสายวิทย์ (หรืออาจจะเป็นนักเรียนเตรียม)ที่ไม่เอาไหน

กับการที่ "กูนึกจะตื่น กูก็ตื่น นึกจะขาด กูก็ขาด"

กับการทำหน้าที่ประธานชมรมได้ห่วยแตก คนเบื่อ น้องชมรมเซ็ง ผิดหวัง

กับการที่ต้องเสียเงินไปแล้ว 600 บาทอย่างไร้ประโยชน์ที่สุดเท่าที่เคยเกิดมาใช้เงิน

กับการที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันผิดพลาดเพราะตัวเองแท้ๆ แต่ก็ทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้เลย

"絶望したぁぁ!!"

 

.

.

.

 

สำหรับใครที่คิดว่านังปลากำลังมองหาเชือก หรือมีด ไม่ต้องห่วงนะ

เค้ายังขี้ขลาดเกินไปกว่ายอมเจ็บตัวแล้วเอาชีวิตไปทิ้ง

(กลัวเจ็บ 555)

จะให้บ่นว่าชีวิตกูนี้บัดซบหนักหนาอยู่คนเดียว มันก็ไม่ยุติธรรม

เพราะใครๆก็เจอเรื่องบัดซบกันทั้งนั้น

ต่อจากนี้ คงต้องพยายามมากกว่านี้ ตั้งใจกับการมีชีวิตอยู่มากกว่านี้ ต้องไม่โลเล ไม่เสียสมาธิกับจุดมุ่งหมายในชีวิตสิเนาะ

เฮ่อ... คำพูดฟังดูหรูหรา แต่ก็ทำยากเหมือนกันนะเนี่ย = =

 

สิ้นหวังแล้ว!

...แต่ยังไม่สิ้นลม

เพราะฉะนั้น

ก็คงต้องสร้างความหวัง หรือไม่ก็ตามหาความหวัง ท่ามกลางความสิ้นหวังต่อไป (ถ้าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อนมีความหวัง แล้วจะสิ้นหวังทำหอกอะไรล่ะเนาะ -_-)

 

จบเอ็นทรี่บัดซบนี้ด้วยเพลงนี้เลย

として がぶれている

(ฮิโตะ โทชิเตะ จิคุ กะ บุรุเตะ อิรุ - ในฐานะที่เป็นมนุษย์แล้ว ฉันค่อนข้างจะแปลกออกไปเสียหน่อย)

เพลงประกอบเรื่อง ซาโยนาระ คุณครูผู้สิ้นหวังเองแหละ

เห็นว่าเนื้อเพลงมันเข้ากับความบัดซบของเค้าในตอนนี้ มันก็เลยโดน

เพลงเป็นแนวร็อคหน่อยนึง อาจจะไม่เข้าหูคนส่วนใหญ่ ก็เลยไม่ได้เอามาลงตรงๆ

อยากฟังก็คลิกตามลิ้งค์นี้แล้วกัน

คำแปล

พิลึก พิลึก พิลึก พิลึก

พิลึก พิลึก พิลึก พิลึก

พิลึก พิลึก พิลึก พิลึก

พิลึก พิลึก พิลึก พิลึก

 

กลางดึกคืนหนึ่ง ฉันเปิดทีวีดู

เพราะไม่มีอะไรทำ ฉันก็เลยได้แต่เปิดแล้วจ้องมันเฉยๆ

ฉันเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ก็พบเหล่าผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตกำลังได้รับการยกย่อง

"คนพวกนั้นไม่พิลึกเลยซักนิด...ดีจังนะ"

 

"เบื่อว่ะ" ฉันคิดแล้วปิดทีวีเสีย

นอนดีกว่า พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ

 

แต่แล้วก็นอนไม่หลับ เลยนั่งอ่านหนังสือการ์ตูน

ตัวการ์ตูนสุดฮ็อตส่งยิ้มมาให้ฉันด้วย

"เจ้าตัวการ์ตูนนักกีฬานั่น สเปคฉันเลยแฮะ"

"แถมเป็นคนที่ไม่พิลึกเลยซักนิดด้วย...ดีจังนะ"

 

เข้าใจล่ะ ที่ฉันไม่เคยได้รับผลตอบแทนใดๆในชีวิตนี้เลย

ก็เพราะว่าฉันมันพิลึกมากเลยสินะ ถ้ามองในแง่ของการเป็นมนุษย์คนหนึ่งน่ะ

 

ถ้างั้นก็นั่งตัวตรงได้แล้ว!

ฉันจะหมุน จะทะลุ จะหนีไป

หนีไป ทะลุไปให้มันเคว้งคว้างจนไม่รู้สึกว่าตัวเรากำลังสั่นสะท้านมากแค่ไหน

หลุดออกไป! เพราะฉันมันก็บ้าหลุดโลกแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แต่ถ้ามีเธออยู่ ฉันจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างนั้นเหรอ?

"ขอแค่เธอรู้ว่ายังมีฉันอยู่ทั้งคนก็พอแล้ว"

 

คิดซะว่าการทะลุมิตินี้ก็เหมือนน้ำท่วมไหลบ่า

ถ้าอย่างนั้น การทะลุมิตินี้อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้ด้วยอย่างงั้นเหรอ?

ฉันรู้สึกได้ว่าผู้คนรับรู้ถึงการมีอยู่ของตัวฉัน

แม้ว่าที่พวกเขาเห็นตอนนี้อาจจะเป็นแค่ตัวฉันที่กำลังสั่นเทาอยู่ก็ตาม

 

เข้าใจล่ะ ที่ฉันไม่เคยได้รับผลตอบแทนใดๆในชีวิตนี้เลย

ก็เพราะว่าฉันมันพิลึกมากเลยสินะ ถ้ามองในแง่ของการเป็นมนุษย์คนหนึ่งน่ะ

 

เข้าใจแล้ว ที่ฉันได้แต่ตัวสั่นงันงกอยู่อย่างนี้

เพราะไม่มีใครคอยช่วยอยู่ยังไงล่ะ

 

ถ้างั้นก็นั่งตัวตรงได้แล้ว!

ฉันจะหมุน จะทะลุ จะหนีไป

หนีไป ทะลุไปให้มันเคว้งคว้างจนไม่รู้สึกว่าตัวเรากำลังสั่นสะท้านมากแค่ไหน

หลุดออกไป! เพราะฉันมันก็บ้าหลุดโลกแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แต่ถ้าได้พบเธอ ฉันจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างนั้นเหรอ?

"ขอแค่เธอรู้ว่ายังมีฉันอยู่ทั้งคนก็พอแล้ว"

 

.

.

 

เนื้อหาแอบฟังหมดอาลัยตายอยากเนาะ

แต่อย่าเครียดล่ะ ฟังเอาสะใจเฉยๆนะ สำหรับเค้านะ

 

ไปแล้ว ดึกแล้วอ่ะ มีเรียนพิเศษต่อพรุ่งนี้ด้วย เซ็งชิบ

 

ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีๆ

 

ปล.) ขอบคุณอีฟทั้งสองอีฟ และเพื่อนๆ 945 & 712 ที่ช่วยบรรเทาความบัดซบในวันศุกร์ให้จางลง ขอบคุณจริงๆนะ ^^

ปลล.) อาจารย์โนโซมุน่ารักว่ะ 55 ลัทธิแว่นจงเจริญ~!!!

ปลลล.) เน็ตเน่าว่ะ กดโพสต์หลายครั้งไม่ขึ้นซะที สิ้นหวังแล้ววว!!!

24 มิถุนายน 2551

สาม) เด็กน้อยเอย... จงฟังให้ดี

 

กะว่าจะอัพภาพงานโฮมตั้งแต่ครั้งกระโน้นแหละ แต่อัพไม่ได้ซักที เซ็งเลย

แล้วก็อยากจะหาเรื่องมาอัพบล็อกด้วยล่ะ เลยพยายามกระเสือกกระสนมาอัพกลางดึก

เอาเพลงมาให้ฟัง ชวนหดหู่ดี

ชื่อเพลง (ในภาษาไทย) : เด็กน้อยเอย... (ชื่อเพลงฟังดูแปลกๆเนาะ)

ชื่อเพลง (ในภาษาเกาหลี) : โก มา ยา

ชื่อเพลง (ในภาษาอังกฤษ) : Hey, kid

เสียใจด้วย ไม่มีชื่อเพลงในภาษาเขมร....(แล้วจะบอกทำเพื่อ...?)

เป็นเพลงของ : คิดว่าข้าพเจ้าฟังเพลงของใครบ้างล่ะ? ....ก็ต้องของดงบังชินก๋อย  ไม่ใช่ละ ..ดงบังชินกินั่นแหละ

 

ใครที่แอนตี้เกาหลีอย่าเพิ่งเปิดหนี อ่านให้ดี แล้วจะพบว่า

เพลงเขามีสาระกว่าที่คิด(?)

 

ไปดูกัน

Hey, Kid (Ko Ma Yah)

Artist : TVXQ

Album : Tri-Angle (อัลบัมเก่า เก๋ามาตั้งแต่ปี 2004 (คิดเป็น พ.ศ. ก็ ...ปี 47 แหละ....เอ่อ... แอบเก่า...))

 

---------------------

 

It was always interesting
And everything was good at the country
Even the bright fireflies at the riverside
The young boy running around not knowing he'll get tired
Was the exact image of me as a kid

มันมักจะมีอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นเสมอ

เมื่อตอนที่อยู่ไกลออกไป แถบชานเมือง อะไรๆก็ดีไปหมด

เด็กผู้ชายคนที่วิ่งโดยไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องมานั่งหอบในภายหลังคนนั้น

เหมือนกับตัวฉันเองในตอนเด็กๆเป๊ะเลยล่ะ


Little kid listen to my words
Always keep that bright smiling image
When you grow up and if the moonlight makes you sad
You'll miss those times

เด็กน้อยเอย... ฟังคำของฉันไว้ให้ดี

จงคงไว้ซึ่งรอยยิ้มอันสดใสนั้นไว้ให้ตลอดเถอะนะ

เพราะเมื่อเธอโตขึ้น แล้วแสงจันทร์ทำให้เธอเศร้าหมอง

เธออาจจะหวนคิดถึงวันเวลาเหล่านี้ก็ได้


Even my strong self is flattered as i watch the kid
Quietly as i make eye contact, my heart beats
But afraid he will know my thoughts,
I just joke around

แม้ตัวตนอันเข้มแข็งของฉันก็อ่อนเปลี้ยลงไปครั้นได้มองเจ้าเด็กน้อย

เพียงได้สบตามองกันอยู่เงียบๆ ใจของฉันก็เต้นแรง

ด้วยความกลัวที่เด็กแกอาจจะรับรู้ถึงสิ่งที่ฉันคิดอยู่ในใจ

ฉันจึงได้แต่ทำตัวให้ดูร่าเริง แล้วเล่นหัวไปกับเด็กๆ


Little kid listen to my words
Dont cry, fill this place with beautiful love
When you grow up
You might miss this innocent image

เด็กน้อยเอย... ฟังคำของฉันไว้ให้ดี

อย่าได้ร้องไห้ จงเติมแต่งที่แห่งนี้ให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่งดงาม

เพราะเมื่อเธอโตขึ้น

เธออาจจะหวนคิดถึงภาพแห่งความใสซื่อไร้เดียงสานี้ก็ได้


Be happy with coins, playing is good
Even if you get in trouble for dirtying your clothes
Always have fun, be happy with friends
I wanna love.. just like old days

จงยินดีในเหรียญที่เธอใช้เล่นเถอะ เพราะการละเล่นเป็นสิ่งที่ดี

แม้ว่าเธออาจจะทำเสื้อผ้าเลอะจนโดนคุณแม่ว่าเอาก็ตาม

มีความสุข สนุกสนานตลอดไปเถอะ ขอให้มีความสุขกับเพื่อนๆด้วย

ฉันอยากที่จะมีความรัก... เหมือนวันเก่าๆบ้างจัง


Little kid, listen to my words
Always keep that bright smiling image
When you grow up..
In the sad moonlight

เด็กน้อยเอย... ฟังคำของฉันไว้ให้ดี

จงคงไว้ซึ่งรอยยิ้มอันสดใสนั้นไว้ให้ตลอดเถอะนะ

เพราะเมื่อเธอโตขึ้น

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เศร้าหมอง...


When you become an adult
You'll like the next door dog that used to scare you
When love finds you it will greet you warmly
Little kid! You lift me and make me laugh oh~
These precious days that wont come again

เมื่อเธอโตขึ้น

เธอจะเริ่มชอบแล้วคิดถึงเจ้าหมาข้างบ้านที่เธอเคยกลัว

เมื่อรักหาตัวเธอจนเจอ มันจะส่งคำทักทายเธออย่างอบอุ่นแน่นอน

โอ เจ้าเด็กน้อย! เธอทำให้ฉันหัวเราะและมีความสุข

ทำให้นึกถึงคืนวันอันล้ำค่าเหล่านั้น ที่จะไม่มีวันหวนกลับมาอีก

---------------------

 

ดงบังชินกิ.....แอบร้องเพลงเหมือนตัวเองเป็นคนแก่นะเนี่ยย =_=''

อย่างน้อยก็แก่กว่าเจ้าของบล็อกแล้วกัน ฮ่าๆๆ แก่! แก่! กะ---ตุบ!!!! /โดนคนแก่รุมกระทืบ

 

แต่ก็แอบชอบเพลงนี้อ่ะ แอบเศร้า......

 

 

ไปดีกว่า....

06 มีนาคม 2551

สอง) สำมะปิ Today

ปฐมลิขิต
หนึ่ง ) ความจริงไม่แน่ใจหรอกนะว่าเขียนถูกรึเปล่า แต่ 'สำมะปิ' อ่านว่า สำ-มะ-ปิ ตามตัวนั่นแหละ เป็นคำอีสาน แปลเป็นแนวๆ จับฉ่าย เบ็ดเตล็ด กระจุกกระจิก รวมๆ มั่วๆ อะไรทำนองนี้ล่ะนะ
สอง ) ที่ตั้งอย่างนี้เพราะเอ็นทรี่วันนี้มันมั่วสิ้นดีน่ะ

--------------------------------------

กลับมาพบกันอีกแล้วนะท่าน แปลกจัง ที่จู่ๆข้าพเจ้าก็เกิดขยันมาอัพบล็อกได้ (ปกติต้องดองอีกสักพักก่อนถึงจะมาอัพ)

ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เล่าเรื่องราวประจำวันอีกนั่นแหละนะ
แต่จะว่าไป วันนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่เลยล่ะ

เน็ตที่บ้านยังใช้การไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงจำต้องแหกขี้ตาตื่น(ซึ่งปกติตื่นเที่ยง)แต่เช้าไปแสวงหาโลกอินเทอร์เน็ตในมหาลัยกับท่านพ่ออีกครั้งหนึ่ง และแน่นอน กิจวัตรประจำวันของข้าพเจ้าก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมนั่นคือ

เล่นคอม...
เล่นคอม...
และ...เล่นคอม

ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ก่อเกิดขึ้น ความจริงมันก็มีของมันนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดถึงมันซะที ขอบ่นให้ฟัง ณ ที่นี้เลยละกัน

ท่านทั้งหลายเคยประสบกับความรู้สึก "ว่างเปล่า" นี้บ้างหรือไม่ ?
มันก็ใกล้เคียงกับคำว่าเบื่อนะ แต่ก็ไม่เชิงอ่ะท่าน

อย่างเช่น....

ท่านมีอะไรที่อยากจะทำเต็มไปหมดอย่าง
วาดรูป
เล่นเกมที่ค้างไว้ให้เคลียร์
ทำโปรเจ็คท์ส่วนตัวต่างๆที่อยากทำให้หมด
ตะลอนเล่นตามเว็บบอร์ดที่แวะประจำ
ฯลฯ
แต่...ดันไม่ทำซะอย่างนั้น ?
มันเป็นเพราะอะไรกันนะ ? เบื่อเหรอ ? ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่อยากทำแท้ๆ แต่เบื่อ ?
มีอะไรที่อยากทำเต็มไปหมด แต่ไม่ได้ทำซะที เพราะเบื่อ เพราะขี้เกียจ ?

ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังประสบกับอาการดังกล่าวข้างต้นนั่นแหละท่าน
หรือจะเป็นเพราะปิดเทอม มันก็เลยโหวงเหวง ? เอาเถอะ....

มาดูเรื่องอื่นๆกันดีกว่า
ที่กรุงเทพหนาวไหมท่าน ? ที่อุบล อากาศเย็นสบายมากมาย หนาวนิดๆ ซี้ดหน่อยๆ กำลังมีบรรยากาศแบบเมืองนอกเข้าปกคลุม 555 แอบดีใจอยู่หน่อยๆเหมือนกัน เพราะอยู่กรุงเทพอากาศมันไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้ได้ใส่เสื้อกันหนาวนัก อย่างนานสุดก็แค่สัปดาห์นึงก็หายหนาว แต่ที่นี่ มันหนาวนานมาก...นานเสียจนเผลอคิดเล่นๆว่า มันจะหนาวถึงสงกรานต์ไหมหว่า ? ถ้าเป็นเช่นนั้น หมู่เฮาชาวอุบลคงได้เล่นสงกรานต์สาดน้ำร้อนกันเป็นแน่แท้ ฮ่าๆๆ อันนั้นก็น่าสนุกดีเหมือนกัน

พูดถึงสงกรานต์ สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าทำเป็นประจำทุกปีนอกจากเล่นน้ำคือ การเข้าวัด นะท่าน
คือเวลาสงกรานต์เขาก็จะมีทำบุญที่วัดกันเนาะ ข้าพเจ้าก็ไปประจำเลยล่ะ (เหมือนจะเป็นโอกาสเดียวในรอบปีที่จะได้เข้าวัดจริงๆจังๆกับชาวบ้านเขา) ข้าพเจ้าชอบไปที่วัดศรีอุบลรัตนารามเน้ (อยู่แทบจะใจกลางเมืองอุบลเลยล่ะ)

ไปสรงน้ำพระพุทธรูป ไหว้พระ ปักธงกระดาษบนปราสาททราย ปิดทองพระพุทธรูป/รูปนิมิต เสี่ยงเซียมซีบ้างพอให้สนุก อะไรทำนองนี้
มันก็ อืมม สนุกดีนะท่าน ไม่รู้สิ รู้สึกใจมันจะสงบแล้วแอบเพลินนิดๆที่ได้ไปวัดวันสงกรานต์ ยังไงใครที่เอาแต่เล่นน้ำจนเพลินลองหาโอกาสเข้าวัดบ้างนะ หาความสนุกแบบสงบใส่ตัวก็ไม่เสียหาย ฮึๆๆ ปีนี้ก็คงจะไปอีกนั่นแหละ ไว้ถ้าไม่ขี้เกียจอาจจะมาเล่าให้ฟังอีกที

ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ขอลากันทื่อๆเช่นนี้แหละ สวัสดี

--------------------------------------

ปัจฉิมลิขิต
หนึ่ง ) อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเริ่มเรียนอ.อุ๊แล้ว
สอง ) น้องชายจะมาสอบเตรียมฯ คาดว่าจะขอติดมากรุงเทพมาช่วยอยู่เวรโฆษณาสายประมาณวันที่ 15
สาม ) ยังไม่รู้เกรดตัวเองเลย หวังว่าคงไม่ตกนะ สาธุ.
สี่ ) หวังว่าสหายสนิทมิตรรักทุกท่านยังคงสบายดี รักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้ดีนะท่าน
ห้า ) เกม Golden Sun 2 เล่นมาถึงทางตันอีกแล้ว เห็นทีต้องใช้มาตรการเด็ดขาด โหลดบทสรุปไปนั่งอ่าน
หก ) เมื่อไหร่อัลบัม T จะเข้าไทยวะ เดี๋ยวก็ไประเบิด avex กะแกรมมี่ซะเลย หึๆๆ
เจ็ด ) พอเถอะ

--------------------------------------

04 มีนาคม 2551

หนึ่ง) ข้า-พ-เจ้า

ในที่สุด......

ก็ได้เขียนบทความที่นี่ซักที =_____=''

สวัสดีท่านทั้งหลาย
นามของข้าพเจ้าจะมีว่าเยี่ยงไรนั้น อย่าได้เอาไปใส่ใจหรือจดจำให้เปลืองพื้นที่สมองเลย (และเพราะพวกท่านก็คงรู้ดีอยู่แล้วน่ะนะ) อย่างไรเสีย ข้าพเจ้าก็คือ ข้าพเจ้า ส่วนท่านจะเรียกตัวข้าพเจ้าว่าอย่างไรนั้น ก็สุดแล้วแต่ความต้องการของท่านแต่ละท่านแล้วกัน

ตามกำหนดการเดิมแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องเปิดบล็อกแห่งนี้เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์(อันเป็นฤกษ์งามยามดี สี่ปีมีหน) 2551 แต่ด้วยความขัดข้องทางด้านการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตที่บ้าน (ที่ช่างเลือกวันเสียได้เหมาะมากๆ เหมาะเหลือเกิน)จึงทำให้กำหนดการการเปิดบล็อกแห่งนี้ถูกเลื่อนมาเป็นวันๆนี้ เชื่อไหมล่ะท่าน ? ว่าคอมที่ใช้อยู่เครื่องนี้คือคอมที่ที่ทำงานของคุณพ่อ จนป่านนี้เน็ตที่บ้านก็ยังเจ๊งกะบ๊องอยู่ !!

ตามชื่อบล็อกที่จั่วไว้ ณ url และหัวบล็อก ที่แห่งนี้ ท่านจะหาสิ่งใดไม่ได้เลยนอกจากเรื่องของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า....และ ข้าพเจ้า ตามสโลกแกนที่จั่วไว้ ณ หัวบล็อกเช่นกันว่า

ข้าพเจ้า ดอท บล็อกสป็อต ดอท คอม
"Where egoism dominates"

เอาล่ะ จะแปลให้นะท่านนะ

where (pro.)= ที่ไหน
egoism (n.) = ความหลงตัวเอง ความยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
dominate (v.) = โดดเด่น แสดงลักษณะการเป็นผู้นำ

แปลรวมๆก็คือ

"ที่ไหนความยึดเอาตัวเป็นศูนย์กลางแสดงลักษณะของการเป็นผู้นำ"

.


.


.


ล้อเล่นน่ะท่าน
จะขออนุญาตแปลให้เป็นภาษามนุษย์อีกหนหนึ่งว่า
"ที่ๆ ความหลงตัวเอง/ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง เป็นใหญ่"

และแน่นอน ตัวข้าพเจ้าเอง ณ ที่แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนบร๊ะเจ้า ฮ่าๆๆ (ถึงแม้ว่าความจริงจะไม่ได้ปรากฎเช่นนี้ก็ตาม =_='')

เอาล่ะ ความจริงก็คือ
ข้าพเจ้าประสงค์จะบันทึกความรู้สึกนึกคิดแต่ละวันของข้าพเจ้าไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งก็เท่านั้นแหละท่านเอ๊ย
แต่จะให้ไปเปิดบล้อกอยู่ exteen ก็กระไรอยู่ เหมือนมีความรู้สึกว่าคนเยอะ

แล้วคนเยอะไม่ดีรึท่าน ? เปล่าเลย มันดี ดีสำหรับกรณีที่หากข้าพเจ้าต้องการคนมาคอมเมนท์ มาพบเห็นเยอะๆ ซึ่งความจริงนั้น นั่นก็เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าชอบใจอยู่ดอก แต่ทว่า ความรู้สึกบางอย่างกลับผลักดันให้ข้าพเจ้าหลบลี้คนหมู่มาก มาตั้งถิ่นฐาน ณ ที่แห่งนี้ที่เงียบสงบ เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก แต่ก็มีเพื่อนอยู่มากมาย และไอดีหนึ่งๆสามารถสร้างบล็อกได้หลายบล็อกอีกด้วย ข้าพเจ้าไม่อยากจะยอมรับจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ ....ต้องชมเจ้าบล็อกเกอร์นี่อีกแล้ว ที่มีในสิ่งหนึ่งที่เอ็กซ์ทีนไม่มี เฮ่อ....

ข้าพเจ้าไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าตัวข้าพเจ้าเองจะมาเขียนบทความที่นี่บ่อยหรือไม่ เขียนเกี่ยวกับอะไร และจะเขียนไปอีกนานเท่าใด แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะพยายามเตือนสติตัวเอง ให้เจียดเวลาจากการพยายามเคลียร์เกม Golden Sun 2 : The Lost Age หาเวลาว่างจากการนั่งอ่านนิยาย โลหดคลิป สูบเพลง สตอล์คดงบังชินกิเหมือนคนโรคจิต(ซึ่งอันนี้อาจจะยากนิดนึง) มาอัพบล็อกให้จงได้

แล้วเจอกันใหม่ล่ะ ท่านทั้งหลายผู้ไม่มีอะไรทำจนว่างจัดมาอ่านบล็อกของข้าพเจ้า

สวัสดี

------------------------------------

ปัจฉิมลิขิต
หนึ่ง ) อย่าได้ถือเอาคำพูดข้างต้นเป็นคำสัญญาที่หนักแน่นนัก (ฮ่าๆๆ) ท่านไม่มีวันรู้ ว่าข้าพเจ้าจะตบะแตกเมื่อไหร่
สอง ) หวังจะได้พบท่านทั้งหลายที่ประจำการ ณ ตึกเก้า ชั้นสี่ ห้องห้า หลังสงกรานต์นี้
สาม ) ทำไมข้าพเจ้าต้องใช้สำนวนภาษาในการเขียนบล็อกเยี่ยงคนสมัยบรรพบุรุษของ้ขาพเจ้าด้วยนะ ? จิ้มแป้นพิมพ์เองก็ไม่ยักกะเข้าใจเสียเอง ตลกเสียนี่กระไร
สี่ ) ทำไมข้าพเจ้าต้องเขียนตัวเลขหน้าปัจฉิมลิขิตแต่ละอันเป็นตัวหนังสือด้วยนะ ทั้งๆที่กดเป็นตัวเลขเสียเลยจะประหยัดเวลา จำนวนแป้นพิมพ์ที่จิ้ม และพลังงานที่เสียแต่ละครั้งในการจิ้มกว่ากันเยอะ ?
ห้า ) ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ทำไมยังพิมพ์อยู่ได้ ?
หก ) พอเถอะ

------------------------------------